Eagle Down – อินทรีปีกหัก หายนะครั้งใหญ่ของมหาอำนาจหมายเลขหนึ่ง ตอนที่ 4

กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ สถาปนาหรือสร้างเมืองในพุทธศักราช ๒๓๒๕ เดือนเมษายน วันที่ ๒๑ เวลาที่บันทึกไว้ในปูมโหร รุ่งแล้วเก้าบาท แปลงเป็นเวลาตามระบบนาฬิกาปัจจุบันคือ ๖ นาฬิกา ๕๔ นาที วิธีถือกำเนิดของกรุงเทพนั้นแตกต่างกับประเทศสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคือการถือกำเนิดของมหาอำนาจทั้งสองนั้นใช้วิธีประกาศเริ่มต้นยุค แต่สำหรับกรุงเทพนั้นใช้วิธีลงเสาเอกหรือเสาหลักเมือง เพื่อเริ่มต้นฤกษ์

คิดๆไปก็ดูประหลาด ทำไมการประกาศเริ่มต้นหรือการฝังเสาเอกหรือการเริ่มต้นกิจกรรมต่างๆ จึงกลายเป็นเวลากำเนิดของประเทศหรือกิจกรรมนั้นๆได้ ยิ่งนั่งคิดก็จะยิ่งคลางแคลงใจ คงเหมือนฝรั่งเห็นทุเรียน นั่งคิดนั่งมอง ตรึกตรองอย่างไรก็คงไม่เห็นความอร่อย มันก็จะต้องทดลองกินเข้าไปนั่นแหละ จึงจะได้รู้ว่ามันอร่อยจริงหรือไม่ เฉกเช่นเดียวกับดวงฤกษ์ทั้งหลาย นักโหราศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตการถือกำเนิดของกิจกรรมต่างๆมานาน เมื่อเทียบกับการถือกำเนิดของคน ที่นับเวลาเมื่อสูดลมหายใจเข้าไปในปอดเป็นครั้งแรก อันทำให้ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ที่มีรออยู่แล้วในกายทารก ได้ธาตุลมเข้าไปผสมจนครบสี่ธาตุ ก็นับว่าเป็นเวลากำเนิดแล้ว

แต่กิจกรรมต่างๆนั้น จะถือเอาเวลาที่ได้เริ่มกิจกรรมนั้นๆเป็นครั้งแรก เป็นเวลากำเนิดของดวงฤกษ์ และใช้ดวงฤกษ์นั้นมาทดสอบตามหลักการทางโหราศาสตร์ และมันก็ถูกต้องตามนั้น กล่าวคือดวงฤกษ์นั้นๆจะใช้พยากรณ์อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของกิจกรรมนั้นๆได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับการพยากรณ์ดวงชะตาคน ภูมิปัญญานี้ถูกสั่งสมกันมานานนับพันปี ถูกทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนักโหราศาสตร์จำนวนประมาณไม่ถ้วน สิ้นเปลืองกำลังงานทรัพยากรมาแล้วมากมาย

อ้าว เข้ารกเข้าพงไปไหนแล้ว ก็อย่าว่ากัน ฝอยๆไปสักนิดเพราะสามตอนที่ผ่านมา มีผู้อ่านที่ไม่รู้เรื่องโหราศาสตร์เลยบอกว่า อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เลยขอย้ำเอาไว้ว่า สาระสำคัญของบทความได้สรุปไว้ให้แล้วในตอนที่หนึ่ง เพียงไม่กี่ประโยคกล่าวคือ “ประเทศสหรัฐอเมริกามหาอำนาจหมายเลขหนึ่งในปัจจุบันกาล กำลังเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤติขนาดใหญ่ อันจะนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มต้นกันอย่างจริงจังภายในปีพุทธศักราช 2569 หรือคริสต์ศักราช 2026 และวิกฤตินี้จะต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี” และสาระที่ไม่ค่อยสำคัญที่จะบอกต่อๆไปก็คือ ไทยเราจะซวยไปด้วย ซึ่งอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านที่ไม่สนใจ ส่วนท่านที่จะคิดจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ก็ทนๆอ่านกันหน่อยก็แล้วกัน

ดวงฤกษ์ของกรุงเทพนั้น มีผู้สมผุสผูกดวงชะตาไว้มากมาย ในหลายระบบของโหราศาสตร์ เวลาฤกษ์รุ่งแล้วเก้าบาทหรือ ๖ นาฬิกา ๕๔ นาที มักจะถูกใช้ดวงชะตากรุงเทพเสมอ แต่อันที่จริงแล้วปูมโหรโบราณที่สืบทอด ถ่ายทอด หรือลอกๆกันมานั้น ยังระบุอะไรบางอย่างไว้มากกว่าเวลาดังกล่าว เพราะได้บอกนิมิตสำหรับเวลาฤกษ์ไว้ด้วย

นิมิต” ในพจนานุกรมแปลว่า ลางบอกเหตุ ในตำราฤกษ์ของโหราศาสตร์ไทยนั้นกำหนดการตรวจสอบนิมิตเอาไว้สำหรับการวางฤกษ์ เป็นตำราสำคัญที่โหรจะต้องใช้ในการวางฤกษ์หรือให้เวลาเริ่มต้นกิจกรรม จะอธิบายก็คงยาวเหยียดเพราะเป็นตำราลึกซึ้งและสำคัญมาก แต่จะสรุปโดยคร่าวๆว่า โหรสมัยก่อนท่านไม่มีนาฬิกาอันทันสมัยใช้ การบอกเวลาก็ทำได้โดยวิธีประมาณ ดังนั้นการกำหนดเวลาสำคัญเช่นเวลาฤกษ์ จึงต้องอาศัยชุดของเหตุการณ์ซ้ำๆที่มักจะเกิดขึ้นตามตำแหน่งของดาวอาทิตย์หรือลัคนาของฤกษ์นั้นบนจักราศี โหรเรียกว่า นิมิต

ปูมโหรบันทึกเอาไว้ว่า นิมิตของดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์นั้น คือนิมิตคนสวมหมวกเหล็ก ฟังดูก็แปลกดี แต่ในตำราฤกษ์ทุกวันนี้ก็ยังใช้นิมิตนี้ในการจับเวลาฤกษ์อยู่ ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อใกล้เวลาฤกษ์ โหราจารย์ก็นั่งเฝ้ารอนิมิต ก็พลันมีคนจีนกลุ่มหนึ่ง แบกกระทะเหล็กครอบหัวเดินขึ้นจากท่าเรือมาเป็นแถว มองแล้วก็เห็นว่าตรงกับนิมิต ก็ย่ำฆ้องบอกเวลาฤกษ์และเริ่มต้นพิธีฝังเสาหลักเมืองในเวลานั้น (ในปูมกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและ พระยาตักกะโตโหร ซึ่งต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (นายบุญรอด ต้นตระกูล บุณยรัตน์พันธ์) ผู้เป็นพราหมณ์ที่สืบ ตระกูลมาจากราชครูรามินทร์ ซึ่งเป็นพราหมณ์พฤฒิบาศ ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นผู้ที่ กำหนดพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง)

ปูมโหรว่าไว้ นักเรียนโหราศาสตร์ก็ต้องคิด เสาหลักเมืองกรุงเทพนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง ใกล้มุมของพระบรมมหาราชวัง ใกล้ประตูมณีนพรัตน์ทางเข้าวัดพระแก้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ในขณะนั้นยังไม่ได้ก่อสร้าง หากไปยืนในตำแหน่งนั้นแล้วจินตนาการถึงในวันนั้น ซึ่งยังไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆใหญ่โตเลย เราก็คงมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยานับตั้งแต่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าไปจนถึงท่าเตียนปากคลองตลาด ซึ่งในเวลาที่กำลังจะก่อร่างสร้างเมืองกรุงเทพนั้น คงมีท่าเรือ ท่าน้ำ มีเรือแพขนสิ่งของมากมาย ระยะก็ห่างจากจุดที่ทำพิธีพอสมควร การที่จะมีคนแบกกระทะเหล็กขึ้นจากเรือที่จอดเทียบท่ามาบนฝั่งก็คงเป็นไปได้

แต่เวลาตามนิมิตนั้น ไม่ตรงกับเวลารุ่งแล้วเก้าบาท ความขัดแย้งนี้ไม่แปลกประหลาดอันใด เวลาฤกษ์ตามเวลานาฬิกาที่โหราจารย์คำนวณ ก็มาจากการคำนวณตำแหน่งดาวโดยตำราสุริยยาตร์ ซึ่งเป็นการคำนวณทางตัวเลขด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ แต่เวลาตามนิมิตนั้นเป็นเวลาที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จริง โหราจารย์โบราณท่านจึงจะถือนิมิตสำคัญกว่านาฬิกา เพราะการกำหนดฤกษ์ใช้มานมนานในสยาม ใช้มาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย อยุธยา ที่หานาฬิกาแบบทันสมัยไม่ได้สักเรือน จะวัดแดด ใช้นาฬิกาน้ำ นาฬิกาทราย นาฬิกาธูป สิ่งไรก็ไม่อาจจะบอกเวลาแม่นยำในหลักนาทีได้

สรุปก็คือเวลาฤกษ์ของกรุงเทพมหานครนั้นไม่ได้มีเวลาเดียว ข้าพเจ้าจึงนำทุกเวลาที่เป็นไปได้มาตรวจสอบโดยใช้เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา และในการนำเสนอในบทความนี้ จะขอใช้เวลาฤกษ์กรุงเทพตามนิมิต สำหรับโหราจารย์ที่ถนัดในการใช้ดวงฤกษ์ตามเวลารุ่งแล้วเก้าบาท ก็สามารถใช้ดวงฤกษ์มาตรฐานนั้นตรวจสอบกับชุดเหตุการณ์ในอดีตที่จะกล่าวต่อไปได้เช่นกัน

ดวงฤกษ์กรุงเทพตามนิมิต คำนวณเวลาไว้ที่ ๖ นาฬิกา ๒๒ นาทีตามเวลากรุงเทพมหานครหรือเวลาท้องถิ่น ณ.จุดที่ก่อฤกษ์นั้น ลัคนาดวงฤกษ์ ๑ สถิตราศีเมษ นวางศ์อาทิตย์ ๑ ตรียางศ์อาทิตย์ ๑ ซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่า วรโคตมนวางศ์ (มัชฌิมานวางศ์) ซึ่งตามตำราโหรแล้วถือเป็นตำแหน่งที่ดีเลิศ ดาวอาทิตย์ ๑ ที่ตำแหน่งนี้มีกำลังเป็นมหาอุจในราศีจักร มีกำลังเป็นเกษตรในตรียางศ์จักร และมีกำลังเป็นเกษตรในนวางศ์จักร เป็นตำแหน่งที่ดาวอาทิตย์ ๑ มีกำลังสูงสุดในจักราศี ลัคนา ๑ มีคราสเกตุ ๙ กุม ดวงฤกษ์กำเนิดในวันอาทิตย์ ๑ ดาวศุกร์ ๖ เป็นกาลกิณีมีตำแหน่งมหาอุจในราศีมีน วินาสน์ลัคนา ๑ ดวงฤกษ์ ตามหลักแล้วกาลกิณีวินาสน์ลัคนาถือว่าดี เพราะกาลกิณีมิอาจส่งกำลังทำร้ายลัคนาได้ แต่ยกเว้นให้เฉพาะลัคนา เพราะดาวอะไรที่ถูกกาลกิณีส่งกำลังถึงจะถูกทำร้ายอย่างหนักหน่วง เพราะดาวศุกร์ ๖ กาลกิณีในดวงฤกษ์นี้มีกำลังเป็นมหาอุจอันแรงกล้า

ดวงฤกษ์กรุงเทพนี้ ถูกกำหนดขึ้นในวาระเร่งด่วน ในยามที่บ้านเมืองมีภัยจากข้าศึก บ้านเมืองยังไม่เป็นปึกแผ่น อีกทั้งยังมีการผลัดแผ่นดิน การหาฤกษ์นั้นหากมีเวลาเหลือเฟือ รอได้ ก็ย่อมจะรอเวลาที่ดวงดาวโคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีๆ เพื่อให้ฤกษ์นั้นดีสมบูรณ์ที่สุด แต่ในยามฉุกละหุก หรือเป็นฤกษ์บังคับ หมายถึงมีช่วงเวลาจำกัดที่จะต้องหาฤกษ์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ มันก็ค่อนข้างจะยาก แต่ด้วยความสามารถของโหราจารย์ ก็สามารถให้ฤกษ์ที่ดีพอสมควรในเวลาดังกล่าวได้

แต่มีดีก็ย่อมมีเสีย มีผู้วิเคราะห์ดวงฤกษ์กรุงเทพตามเวลาในปูมโหรไว้แล้วมากมาย แต่สำหรับดวงฤกษ์ตามนิมิตในปูมโหรนี้ มีตำแหน่งดาวแตกต่างกับดวงฤกษ์ตามเวลาในปูมโหรอยู่ ข้าพเจ้าจึงจะขอวิเคราะห์ดวงฤกษ์นี้ ซึ่งส่วนนี้คงเหมาะกับผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ที่พอจะเข้าใจ

ลัคนาของดวงฤกษ์ ๑ อยู่ในราศีเมษอันเป็นตำแหน่งเดียวกับลัคนาของโลกนี้ ราศีเมษเป็นราศีที่เด่น หากเป็นบุคคลราศีเมษจะเป็นคนเด่น มีนิสัยหยิ่ง ถือตัว จนถึงหยิ่งยโสได้ ลัคนา ๑ อยู่โดดเดี่ยวไม่มีดาวใดร่วมเลย ยกเว้นคราสเกตุ ๙ ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นดาว แต่ถือเป็นตัวยุ่งวุ่นวาย นับจากลัคนาทวนเข็มนาฬิกาไปสามเรือนเป็นราศีเมถุนเรือนสหัชชะหมายถึงเพื่อนมิตรสหาย มีดาวพุธ ๔ เป็นเจ้าเรือน ดาวพุธ ๔ เจ้าเรือนสหัชชะไปสถิตอยู่ราศีมีนเรือนวินาสนะ วินาสนะหมายถึงเร้นลับ เบื้องหลัง ข้างหลัง เป็นมุมอับ ในเรือนวินาสนะราศีมีนนั้นมีดาวศุกร์ ๖ มหาอุจกาลกิณีและคราสราหู ๘ สถิติอยู่ และในราศีเมถุนเรือนสหัชชะมีดาวมฤตยู ๐ สถิตอยู่ ดาวมฤตยู ๐ นี้เป็นเหมือนหลุมดำ อยู่ที่ไหนก็กลืนกินทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

แปลความเป็นภาษาคนว่า ดวงนี้โดดเด่น สันโดษ หาเพื่อนยาก มีเพื่อนน้อย เพื่อนที่มีก็ไม่ซื่อ หาเพื่อนแท้ไม่ได้ มีแต่เพื่อนกินและเพื่อนทรยศ

เวรกรรม แต่ก็ลองนึกๆดู ประเทศนี้มีมิตรประเทศไหนบ้างที่จริงใจ ประเทศเพื่อนบ้านรอบบ้านก็มีปัญหากันมาโดยตลอด เคยรบกันมาก็แทบจะรอบทิศเหนือใต้ออกตก ขนาดเพื่อนที่ชอบเรียกกันว่ามหามิตร ก็ไม่เคยจริงใจ ประเทศนี้วันๆก็ไม่ค่อยจะได้สมานมิตรอะไรกับใครเขา วุ่นๆอยู่แต่ในบ้านของตัวเองนี่แหละ มีปัญหาได้ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน แต่ถึงจะไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยมีใครคบ แต่ก็เอาตัวรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยอิทธิพลของคราสเกตุ ๙ ที่ตำราลับบอกไว้ชัด เกตุ ๙ กุมลัคนา ๑ ไม่ตายโหง (ตำราลับนี้เปิดเผยสู่สาธารณชนแล้วโดยท่านอาจารย์ อรุณ เทศถมทรัพย์ ดังนั้นศิษย์ก็บอกต่อได้)

ดาวพุธ ๔ เป็นเจ้าเรือนอริของลัคนา ๑ อริหมายถึงศัตรู ผู้ที่ไม่ถูกกัน เมื่อดาวอริไปอยู่ในเรือนวินาสนะ ก็เท่ากับศัตรูนั้นไปอยู่ในมุมที่ทำร้ายลัคนาหรือตัวตนนั้นไม่ถึง อีกทั้งมฤตยู ๐ ก็จะกินผู้ตั้งตนเป็นศัตรูนั้นไปด้วย กรุงเทพนี้จึงรอดจากศัตรูมาในหลายครั้งหลายครา เริ่มมาจากศัตรูส่งกำลังมาถึงเก้าทัพ หวังขยี้ให้แหลกลาญ แต่ศัตรูก็ย่อยยับสู้ไม่ได้ รอดจากลัทธิล่าอาณานิคม ทั้งๆที่ฝรั่งหลายชาติเตรียมฉีกประเทศออกแบ่งกัน สุดท้ายฝรั่งที่จะมาแย่งเค้กกัน ก็ไปประสบวิบัติรบกันวอดวาย รอดมาได้ไม่ถูกญี่ปุ่นยึดครองในสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งๆที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกมาแล้ว สุดท้ายญี่ปุ่นก็เจ๊งไปเอง รอดมาได้จากสงครามคอมมิวนิสต์ ทั้งๆที่ใครๆก็เชื่อทฤษฏีโดมิโนที่ว่า เมื่อประเทศรอบข้างของเรากลายเป็นคอมมิวนิสต์กันหมด สุดท้ายเราก็ต้องกลายเป็นเช่นนั้นด้วย แต่ปรากฏว่าโดมิโนพลิกกลับ ทุกวันนี้ประเทศคอมมิวนิสต์กลายเป็นของหายากไป เรารอดมาได้เพราะตำแหน่งของดาวพุธ ๔ และตำแหน่งของคราสเกตุ ๙ นั่นเอง

ดาวพุธ ๔ นั้นยังมีความหมายอื่นด้วย หมายถึงการพูดจา เอกสาร ในทางอาชีพหมายถึงสื่อสารมวลชน นักการเมือง นักกฏหมาย ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้วินาสน์ลัคนา ๑ ดวงฤกษ์ และถูกดาวศุกร์ ๖ กาลกิณีมหาอุจทำลาย แถมด้วยคราสราหู ๘ ทำลายซ้ำเข้าอีก เวรกรรมซ้ำอีก หมดกัน อะไรที่พุธ ๔ หมายถึง ประเทศนี้ก็พึ่งไม่ได้ จริงเท็จหรือไม่ท่านก็ลองวิเคราะห์ดู

ดาวศุกร์ ๖ หมายถึง ความรัก กามารมณ์ ศิลปะ การเงิน เมื่อมีกำลังเป็นมหาอุจก็หมายถึงมีกำลังมาก สภาพน่าจะดูดี แต่เมื่อวินาสน์ลัคนา ๑ ก็ส่งกำลังไม่ถึงลัคนา ๑ อีกทั้งยังเป็นกาลกิณี และเป็นเจ้าเรือนที่สองจากลัคนาคือเรือนกดุมภะ อันหมายถึงการเงิน และเป็นเจ้าเรือนที่เจ็ดนับจากลัคนาคือเรือนปัตนิ หมายถึงคู่ครอง คู่หุ้น คู่สัญญา อะไรที่ดาวศุกร์ ๖ หมายความถึง สำหรับดวงฤกษ์กรุงเทพแล้ว ก็ย่อยยับอัปราไปเสียสิ้น

ด้วยเหตุที่ดาวศุกร์ ๖ เป็นเช่นนี้ จึงมีผู้พยากรณ์ไว้แล้วว่า การคอรัปชั่นจักเฟื่องฟู การเงินจะเสียหาย ตลาดหุ้นเรามีสภาพอย่างไร ก็ลองพิจารณากันดู

ในตำราของท่านอาจารย์พลูหลวง (ประยูร อุลุชาฎะ น. ณ ปากน้ำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี ๒๕๓๕) เคยวิเคราะห์ดวงดาวประจำประเทศเอาไว้ว่า ประเทศฝรั่งเศสมีดาวศุกร์ ๖ เป็นดาวประจำประเทศ และด้วยเหตุที่ดาวศุกร์ ๖ เป็นกาลกิณีของสยามหรือกรุงเทพ ฝรั่งเศสจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่ก่อความเสียหายให้กับสยามมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ดาวศุกร์ ๖ หมายถึงเม็ดเงินโดยตรง หมายถึงทรัพย์ด้วย เมื่อมีกำลังเป็นมหาอุจ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ตรงไหนในดวงฤกษ์ ก็ส่งผลให้ดวงฤกษ์นี้มั่งคั่ง มีทรัพย์ ก็ลองพิจารณาดูว่าคอรัปชั่นกันมานานขนาดไหน มากมายขนาดไหน ก็มีให้คอรัปชั่น มีแรงคอรัปชั่นก็ทำไป ยังไงก็มีให้คอรัปชั่นไปเรื่อยๆแหละ ให้มันรู้กันว่าใครจะแน่กว่าใคร
ดาวพุธ ๔ อยู่ร่วมราศีกับดาวศุกร์ ๖ “พุธศุกร์ เคล้าคู่กล้า เมากาม” คำพยากรณ์ในตำราโหรกล่าวไว้ แต่ดวงฤกษ์นี้ไม่เพียงดาวพุธ ๔ ร่วมดาวศุกร์ ๖ เท่านั้น ยังร่วมกาลกิณี (๖) และร่วมกับคราสราหู ๘ ด้วย เรียกว่าหาดีไม่ได้ เรื่องฉาวโฉ่ทางกามารมณ์ของเมืองนี้เป็นที่รู้กันดี ก็ไม่อยากเขียนอะไรไปมากกว่านี้ อายเหมือนกัน เพราะที่นี้ก็เป็นบ้านเมืองอันเป็นที่รักของข้าพเจ้าด้วย แต่ตามดวงฤกษ์เป็นเช่นนี้ ก็กล่าวไว้แต่พอสมควร
ท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์สายสิบลัคนา คงจะสังเกตเห็นว่า ดาวศุกร์ ๖ กาลกิณีมหาอุจและดาวพุธ ๔ นั้นสถิตอยู่ในเรือนของดาวพฤหัสบดี ๕ ความหมายเช่นไรเป็นความลับในตำราที่เปิดเผยไม่ได้ แต่ก็ขอกล่าวไว้แต่เพียงว่า เคยมีผู้ให้ฉายานามประเทศนี้ไว้ว่า “siamese talk” ก็แปลกันเอาเองนะ
ยังมีดาวอีกหลายดวงที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ความแตกต่างของดวงฤกษ์ตามนิมิตในปูมโหร กับดวงฤกษ์ตามเวลาในปูมโหร น่าสนใจและขอแนะนำให้ท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์ทดสอบดู

ตนุเศษของดวงฤกษ์นี้คือดาวอาทิตย์ ๑ ในราศีเมษ ดังนั้นตรีวัยที่จะใช้ทำการทดสอบเหตุการณ์ก็คือตรีวัยของราศีเมษ ซึ่งจะได้ทำการทดสอบกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

 

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *