ตรีวัยของดวงฤกษ์กรุงเทพ ตามเวลาในปูมโหร (ศตวรรษแรก)
ตรีวัยของดวงฤกษ์กรุงเทพ ตามเวลาจากนิมิตในปูมโหร (ศตวรรษแรก)
ในตอนที่แล้วได้กล่าวถึงวัยศุกร์ ๖ กาลกิณีไว้เพียงวัยเดียว ตอนนี้จึงจะขอเพิ่มข้อสังเกตเกี่ยวกับตรีวัยของดวงฤกษ์กรุงเทพตามเวลาจากนิมิตในปูมโหร ไว้อีกเพื่อให้บทความสมบูรณ์
วัยของดาวอังคาร ๓ เป็นวัยที่ผ่านมาแล้วห้าครั้ง (จะไม่ขอกล่าวถึงวันเดือนปีของวัยและเหตุการณ์ โปรดดูในภาพประกอบ) อังคาร ๓ เป็นปรเกษตร มีกำลังน้อย แต่ได้สถานะราชาโชค อังคาร ๓ เป็นบาปเคราะห์ ให้ผลในทางร้าย ในวัยนี้สยามต้องมีสงครามเกือบทุกครั้ง
วัยอังคาร ๓ ครั้งที่หนึ่ง สยามรบสงครามเก้าทัพได้ชัยชนะ และมีสงครามอื่นๆอีกหลายสมรภูมิรวมถึง 9 ครั้ง ในวัยนี้สยามเสียเกาะหมากหรือปีนังไป
วัยอังคาร ๓ ครั้งที่สองมีอหิวาตกโรคระบาดใหญ่ และเป็นต้นรัชกาลที่ห้าครั้งยังทรงพระเยาว์ ต้องมีผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (ปัญหาการเมืองในยุคนั้นมีมาก โปรดหาอ่านเอง)
วัยอังคาร ๓ ครั้งที่สาม สยามเสียแคว้นสิบสองจุไทยให้ฝรั่งเศส ฮ่อก่อการกบฏ สยามต้องยกกองทัพไปปราบ
วัยอังคาร ๓ ครั้งที่สี่ เป็นช่วงสงครามเวียดนาม ไทยส่งทหารเข้ารบในเวียดนามอย่างเป็นทางการ และเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
วัยอังคาร ๓ ครั้งที่ห้า เกิดสงครามบ้านร่มเกล้า มีการลดค่าเงินบาท และเกิดกบฏ 9 กันยา
วัยของดาวเสาร์ ๗ เป็นวัยที่ผ่านมาแล้วสามครั้ง เสาร์ ๗ เป็นดาวธรรมดา มีกำลังธรรมดา เสาร์ ๗ เป็นบาปเคราะห์ ให้ผลในทางร้าย ในวัยนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้นสองครั้งจากสามครั้ง
วัยเสาร์ ๗ ครั้งที่หนึ่ง มีสงครามกับพม่า
วัยเสาร์ ๗ ครั้งที่สอง เสียฝั่งขวาของแม่น้ำโขง เสียมณฑลบูรพา มีอหิวาตกโรคระบาด และมีพระราชบัญญัติเลิกทาส
วัยเสาร์ ๗ ครั้งที่สาม สงครามปราบยาเสพติด มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ไข้หวัดนกระบาด
วัยของดาวพุธ ๔ เป็นวัยที่ผ่านมาแล้วห้าครั้ง พุธ ๔ เป็นนิจ มีกำลังน้อยหรือด้อยมาก ถือว่าเป็นวัยที่ไม่ดี พุธ ๔ เป็นศุภเคราะห์ ให้ผลในทางดี แต่ในวัยนี้ไทยเสียดินแดนหรือได้รับผลร้ายเรื่องเกี่ยวกับดินแดนทุกครั้ง
วัยพุธ ๔ ครั้งที่หนึ่ง เสียบันทายมาศให้ฝรั่งเศส เกิดกบฏเจ้าฟ้าเหม็น
วัยพุธ ๔ ครั้งที่สอง เสียเขมรให้ฝรั่งเศส เกิดอหิวาตกโรคระบาด
วัยพุธ ๔ ครั้งที่สาม เสียกลันตัน ไทรบุรีให้อังกฤษ เกิดกบฏหมอเหล็ง ร.ศ.๑๓๐ เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
วัยพุธ ๔ ครั้งที่สี่ เสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา เกิดกบฏนายทหารอากาศ เกิดเหตุวันเสียงปืนแตก อันเป็นวันเริ่มสงครามคอมมิวนิสต์ในประเทศ ไทยส่งทหารเข้าสงครามลาวอย่างลับๆ เกิดอหิวาตกโรคระบาด
วัยพุธ ๔ ครั้งที่ห้า ไทยแพ้คดีเขาพระวิหารครั้งที่สอง เกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองหลายครั้ง เหตุชุมนุมราชประสงค์เผาบ้านเผาเมือง เหตุชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล เหตุชุมนุมต้านกฎหมายนิรโทษกรรม
วัยของดาวพฤหัสบดี ๕ เป็นวัยที่ผ่านมาแล้วห้าครั้ง พฤหัสบดี ๕ เป็นเกษตร เป็นศุภเคราะห์ มีกำลังมากและถือว่าดีมาก หากพิจารณาจะเห็นว่าเกือบทุกครั้งจะมีเรื่องที่ดีมากเกิดขึ้นมา และส่งผลต่อเนื่องที่ดีไปในอนาคต แต่ก็มีข้อสังเกตด้วยว่า จะมีโรคระบาดเกิดขึ้นแทบทุกครั้ง อีกทั้งยังมีน้ำท่วมใหญ่ทุกครั้งด้วย
(สำหรับท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์สิบลัคนา โปรดดูคู่ดาวที่เกี่ยวกับโรคร้าย และคู่ดาวอันเกี่ยวกับอุทกภัย ที่สัมพันธ์กับดาวและเรือนพฤหัสบดี ๕)
วัยพฤหัสบดี ๕ ครั้งที่หนึ่ง เกิดอหิวาตกโรคระบาด ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่มาก ถึงกับมีการทำพิธีทางศาสนาและความเชื่ออื่นๆเพื่อผลทางจิตใจของราษฎร ข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับการพัฒนาหาไม่พบ (เป็นสมัยรัชกาลที่สอง หาข้อมูลยากครับ) มีน้ำท่วมใหญ่ที่บันทึกไว้ในพุทธศักราช ๒๓๖๒
วัยพฤหัสบดี ๕ ครั้งที่สอง เกิดอหิวาตกโรคระบาด มีการเริ่มกฎหมายเลิกทาสเป็นครั้งแรก ส่งผลดีต่อสยามในกาลต่อมา มีน้ำท่วมใหญ่ที่บันทึกไว้ในพุทธศักราช ๒๔๒๒
วัยพฤหัสบดี ๕ ครั้งที่สาม เกิดอหิวาตกโรคระบาด เกิดไข้หวัดสเปนหรือที่เรียกกันว่าไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สยามเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและได้รับชัยชนะ เป็นเหตุให้สยามได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ประเทศตะวันตกเริ่มยินยอมในการแก้ไขสัญญาเบาว์ริ่ง มีการสร้างดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตย เพื่อพัฒนาปูรากฐานประชาธิปไตยให้ประเทศ มีน้ำท่วมใหญ่ที่บันทึกไว้ในพุทธศักราช ๒๔๖๐
วัยพฤหัสบดี ๕ ครั้งที่สี่ เกิดเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ มีกบฏ 2 ครั้ง ทหารไทยที่เข้าร่วมรบในสงครามลับลาวเลิกปฏิบัติการ ถอนกำลังกลับประเทศ มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี 66/2523 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการปรองดองและยุติสงครามคอมมิวนิสต์ในประเทศได้ในกาลต่อมา มีน้ำท่วมใหญ่ถึงสามครั้ง ในพุทธศักราช ๒๕๑๘ – ๒๕๒๑ – ๒๕๒๓
วัยพฤหัสบดี ๕ ครั้งที่ห้า เกิดการระบาดของไวรัส Covid 19 ซึ่งต่างประเทศยกย่องว่าไทยสามารถจัดการรับมือได้ดีมากในลำดับต้นๆของโลก เป็นยุคที่มีการพัฒนาประเทศมากที่สุดยุคหนึ่ง มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และสร้างขยายถนนหนทางมากมาย มีน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๖๕
วัยของคราสราหู เป็นวัยที่ผ่านมาแล้วสองครั้ง คราสราหู ๘ มีกำลังธรรมดา เป็นบาปเคราะห์ ให้ผลในทางร้าย ในวัยนี้สยามเสียดินแดนทั้งสองครั้ง และมีเหตุตั้งต้นให้เกิดความแตกแยกทั้งสองครั้ง
วัยราหู ๘ ครั้งที่หนึ่ง สยามเสียดินแดน แสนหวี เชียงตุง เปรัค เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ และมีการก่อกำเนิดธรรมยุตินิกาย ซึ่งส่งผลให้พุทธศาสนาของไทยแยกเป็นสองนิกายนับตั้งแต่นั้น มีน้ำท่วมใหญ่ในพุทธศักราช ๒๓๗๔
วัยราหู ๘ ครั้งที่สอง สยามเสียเกาะในแม่น้ำโขงทั้งหมดให้ฝรั่งเศส มีอหิวาตกโรคระบาด ในวัยนี้เกิดเหตุเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำตามไปด้วย สยามเองก็ได้รับผลกระทบ เงินงบประมาณของรัฐมีไม่พอ จำต้องดุลข้าราชการ หรือให้ออกจากการรับราชการ เป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทั้งทหารและพลเรือน เป็นเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของประทศ
ขณะนี้กำลังจะถึงวัยของคราสราหู ๘ อีกครั้ง ซึ่งจะเริ่มในปลายพุทธศักราช ๒๕๖๖ และไทยจะต้องอยู่ในวัยราหู ๘ นี้ไปอีกแปดปีสี่เดือน หรือ หนึ่งร้อยเดือน จากสถิติที่ผ่านมา และหากดูดาวจรประกอบกับดวงฤกษ์ของกรุงเทพตามนิมิตแล้ว จะพบว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีอย่างมาก จะเกิดความแตกแยกในประเทศ และจะนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายๆต่อไปได้ในอนาคต และสุมเสี่ยงต่อการเสียดินแดนของประเทศอีกครั้ง สำหรับเรื่องนี้จะได้วิเคราะห์กันในตอนต่อๆไป
อีกสองวัยที่ยังไม่ได้วิเคราะห์คือ วัยของดาวอาทิตย์ ๑ และวัยของดาวจันทร์ ๒ ซึ่งผ่านมาแล้วสองครั้งเช่นกัน ในสองวัยของสองดาวนี้ เป็นวาระที่กำลังจะต่อคิวรับช่วงปกครองดวงฤกษ์ของกรุงเทพตามนิมิต ต่อจากวัยของคราสราหู ๘ รวมเป็นช่วงเวลา ๒๕ ปี ที่เมื่อพิจารณาจากอดีตแล้ว ก็น่าหวาดหวั่นว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
ความซ้ำกันของเหตุการณ์ในตรีวัยของดวงฤกษ์ที่นำเสนอ ก็มีลักษณะความซ้ำคล้ายคลึงกับตำราฤกษ์ที่กล่าวถึงนิมิต ตามปกติแล้วดวงชะตาบุคคล น้อยนักที่จะผ่านตรีวัยของศตวรรษแรกเข้าสู่ตรีวัยของศตวรรษที่สอง แต่ดวงฤกษ์ของอาณาจักร เมือง ประเทศ มีเป็นจำนวนมากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้หลายรอบตรีวัย หลายศตวรรษ แต่สุดท้ายก็ไม่มีดวงฤกษ์ใด อาณาจักรใด เมืองใด ประเทศใด ที่จะอยู่ได้ค้ำฟ้า อยู่ไปตลอดกาล แม้อาณาจักรอันยิ่งใหญ่เช่น กรีก โรมัน อียิปต์ จีน อินเดีย สุดท้ายก็ต้องล่มสลาย เกิดใหม่ เปลี่ยนแปลงสภาพ หรือตายสูญสิ้นไปในที่สุด
ทั้งหมดก็เป็นไปตามไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ชีวิตบุคคลย่อม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในระหว่างเกิดจนถึงตายนั้น จะได้เจ็บ หรือจะได้แก่ หรือไม่ ก็แล้วแต่กรรมที่กระทำมา ชีวิตของอาณาจักร เมือง ประเทศ ก็เช่นกัน เมื่อมีเกิด ก็ย่อมเดินทางไปสู่จุดดับ
โลกที่เราอาศัยอยู่ จักรวาลที่เราอาศัยอยู่ ก็เช่นกัน สักวันหนึ่งมันก็ต้องถึงจุดดับ ต้องตายเฉกเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี่เพราะกรรม ดวงชะตา ดวงฤกษ์ ก็คือแผนที่ของกรรม ดวงดาวไม่ได้มีอิทธิพลอะไร แต่ดวงดาวเหล่านั้นมีกรรมร่วมกับเรา เกิดมาด้วยกรรมเช่นกัน ผูกพันกันด้วยกรรม ดวงดาวจึงสามารถบอกแผนที่กรรมของเราได้
อ้าว ขออภัย นี่เป็นบทความทางโหราศาสตร์ มิใช่ทางศาสนา รออ่านตอนต่อไปครับ