บทความทั้งหมดหกตอนที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงประวัติโดยคร่าวๆของประเทศสำคัญสามประเทศ อันได้แก่สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทย ซึ่งท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าราชอาณาจักรไทยนี้สำคัญตรงไหนในบทความนี้ ก็ขออธิบายไว้อีกสักหนว่า ที่ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ ก็มิได้เพราะห่วงใยประเทศมหาอำนาจอะไรที่ไหน ว่าเขาจะเป็นอย่างไร แต่ที่ห่วงใยอย่างมากก็คือราชอาณาจักรไทยอันเป็นที่รักของพวกเรา(บางคน)นี่แหละ และถึงจะรักหรือไม่รักประเทศ แต่หากยังอาศัยอยู่ในประเทศนี้ ก็คงจะสนใจกันบ้างกระมังว่า เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกจะแหลกลาญกันขนาดไหน
ในบทความตอนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้นำเสนอแผนภูมิของตรีวัย อันเป็นหลักสำคัญในการพยากรณ์ดวงชะตาบุคคลและดวงฤกษ์ต่างๆ ในการพยากรณ์ดวงชะตาของบุคคลนั้น หากตั้งดวงชะตาได้ถูกต้อง โดยใช้หลักการและวิธีการที่ถูกต้อง ขอเพียงอ่านตรีวัยออก ก็จะบอกได้แล้วว่าดวงชะตานั้นมีสภาพโดยรวมเป็นอย่างไร หากจะเปรียบเทียบกับเนื้อไม้ อันมีไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้เนื้อปานกลางเช่น ไม้ยางพารา ไม้กระบาก ไม้เนื้ออ่อนเช่น ไม้ฉำฉา ดวงชะตาก็เช่นกัน มีทั้งดวงที่เหมือนไม้เนื้อแข็ง คงทนต่อสภาพอากาศ ไม้เนื้อปานกลาง ที่พอจะทนสภาพอากาศแบบไม่หนักหนาได้ และไม้เนื้ออ่อน ที่ทนอะไรแทบไม่ได้เลย ถูกสภาวะธรรมชาติกระหน่ำเพียงนิดเดียว ก็พร้อมจะหักพังเสียหายได้โดยง่าย
ตรีวัยนั้นสามารถบอกชนิดของดวงชะตาโดยรวมได้ ดวงชะตาที่ดี ดวงที่จะมั่งมี ดวงที่จะมีการศึกษาดี ดาวเจ้าวัยต่างๆในตรีวัย ในช่วงวัยที่สำคัญ จะต้องเป็นดาวที่ดี มีกำลัง ไม่ถูกบ่อนเบียนด้วยดาวกาลกิณี หรือดาวบาปเคราะห์ร้ายอื่นๆ
ยังมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอีกมากมาย แต่ไม่ว่าหลักเกณฑ์ใดก็มิอาจฝืนหลักเกณฑ์ของตรีวัยไปได้ ในวัยที่ดีชีวิตก็จะมีโอกาสที่ดี ในวัยที่ไม่ดีวัยที่ตกต่ำชีวิตก็จะมืดมนขาดโอกาส ในวัยของดาวศุภเคราะห์หรือดาวที่ให้คุณ หากดาวนั้นมีกำลังหรือแม้จะเป็นเพียงดาวปกติ ชีวิตก็จะผาสุข แต่ในวัยของดาวบาปเคราะห์หรือดาวที่ให้โทษ หรือในวัยของคราสร้ายเช่นคราสราหู ๘ แม้ดาวหรือคราสนั้นจะมีกำลัง ส่งผลดีให้กับช่วงชีวิตในวัยนั้น ก็ยังจะแฝงไว้ด้วยโทษอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้ความทุกข์แก่ดวงชะตาอย่างแน่นอน
ภาพที่นำเสนอภาพนี้ เป็นการเปรียบเทียบแผนภูมิตรีวัยของสามประเทศคือ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทย ตัดมาเฉพาะในช่วงเวลาอดีตอันไม่ไกล ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ ทั้งสามประเทศมีกำเนิดในเวลาที่แตกต่างกัน ตรีวัยจึงเหลื่อมกันบ้าง แต่เมื่อนำมาเทียบกันตามช่วงเวลา ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้เคียงกัน และลูกศรสีแดงในภาพคือช่วงเวลาปัจจุบันของทั้งสามประเทศ
ราชอาณาจักรไทย จะเข้าสู่วัยของคราสราหู ๘ ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ คริสต์ศักราช 2023 เรียกว่าจะเปลี่ยนเข้าวัยใหม่ก่อนสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะไล่ตามมาติดๆ สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นจะเปลี่ยนเข้าสูวัยของดาวศุกร์ ๖ อันมีกำลังเป็นมหาอุจ ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ คริสต์ศักราช 2024 และสุดท้ายคือสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนเข้าสู่วัยของดาวเสาร์ ๗ กาลกิณี ในวันที่ ๘ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๙ คริสต์ศักราช 2026
ราชอาณาจักรไทยนั้นจะเปลี่ยนวัยจากวัยพฤหัสบดี ๕ อันเป็นวัยที่ดีที่สุดวัยหนึ่ง ซึ่งพิสูจน์มาห้าครั้งแล้วว่าเป็นวัยที่ประเทศก้าวหน้า พัฒนา ไปสู่วัยของคราสราหู ๘ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วเช่นกันว่าเป็นวัยที่มีปัญหา เป็นวัยของความแตกแยก เราจะต้องอยู่ในวัยของคราสราหู ๘ นี้ไปอีกแปดปีกว่า ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวหากพิจารณาดาวที่โคจรกับดวงฤกษ์ของกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ หรือดวงประเทศแล้ว ก็พบว่าเป็นช่วงที่จะมีปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเงิน
โดยเริ่มจากวันที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ คราสราหู ๘ จรในจักราศี จะย้ายจากราศีเมษมายังราศีมีน ในขณะที่ดาวเสาร์ ๗ จรในจักราศีสถิตอยู่ในราศีกุมภ์มาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว
จากภาพ วงนอกคือดาวจรในช่วงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ วงในคือดวงฤกษ์กรุงเทพมหานคร ลูกศรสีแดงชี้ให้เห็นว่า ดาวเสาร์ ๗ ที่จรอยู่ในราศีกุมภ์ (วงนอก) มีตำแหน่งเป็นองค์เกณฑ์กับราศีพฤษภ หมายถึงส่งกำลังถึงราศีพฤษภด้วยอย่างเต็มที่ ตามกฎเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ไทยว่าด้วยปัศวะทศเกณฑ์ และราศีกุมภ์นั้นเป็นเรือนลาภะอันหมายถึงรายได้ ส่วนราศีพฤษภนั้นเป็นเรือนกดุมภะอันหมายถึงเงิน ในราศีมีนที่คราสราหู ๘ จรจะย้ายราศีมานั้น มีดาวศุกร์ ๖ เดิมในดวงชะตา (วงใน) อันเป็นเจ้าเรือนกดุมภะและยังหมายถึงเงินโดยตรงด้วย และดาวศุกร์ ๖ ยังเป็นเจ้าเรือนปัตนิอันหมายถึงคู่หุ้นคู่สัญญา (ตลาดหุ้น) อีกความหมายหนึ่ง อีกทั้งยังมีคราสราหู ๘ เดิมซึ่งเป็นเจ้าเรือนลาภะ (วงใน) สถิตอยู่
ทั้งหมดนี้แปลความหมายเป็นภาษามนุษย์ง่ายๆว่า เรื่องของการเงินในดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครทั้งหมด ถูกดาวร้ายเสาร์ ๗ และคราสร้ายราหู ๘ ถล่มอย่างยับเยินพร้อมๆกัน อีกทั้งในปีนี้ดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครมีอายุ ๒๔๑ ย่าง ๒๔๒ ปี ตามตำราทักษาแล้วในปีนี้ดาวพฤหัสบดี ๕ มีตำแหน่งเป็นกาลกิณี ดาวพฤหัสบดี ๕ นั้นเป็นประธานแห่งดาวศุภเคราะห์หรือดาวฝ่ายดี มีคำทำนายสำคัญในตำราโหราศาสตร์ไทยว่า ดาวในดวงชะตาหรือดวงฤกษ์ทั้งหมดทุกดวงดีแต่ดาวพฤหัสบดีเสียเพียงดาวเดียวดวงนั้นไม่รอด แต่หากดาวในดวงชะตาหรือดวงฤกษ์ทั้งหมดทุกดวงไม่ดีแต่ดาวพฤหัสบดีนั้นดีเพียงดาวเดียวดวงนั้นก็รอด
ดาวพฤหัสบดี ๕ จึงเป็นดาวสำคัญมากในดวงฤกษ์หรือดวงชะตาทุกดวง ในปีใดที่ดาวพฤหัสบดี ๕ มีตำแหน่งทางทักษาเป็นกาลกิณีจะเป็นปีที่ไม่ดี โดยเฉพาะหากมีดาวร้ายหรือคราสร้ายอื่นๆมาทำลายจุดใดจุดหนึ่งในดวงชะตา ก็จะยิ่งมีเคราะห์ร้ายหนักขึ้น สภาพการเช่นนี้ในดวงฤกษ์กรุงเทพมหานคร จึงถือว่าเข้าสู่คราวเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง
นับจากวันนี้ที่คราสราหู ๘ ย้ายราศีจากเมษไปราศีมีน ซึ่งดาวเจ้าวัยของดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครในปัจจุบันคือดาวพฤหัสบดี ๕ ซึ่งมีสถานะเป็นกาลกิณี จนถึงเปลี่ยนเข้าวัยคราสราหู ๘ และในอนาคตอันใกล้ คือนับจนถึงวันเกิดของดวงฤกษ์กรุงเทพมหานคร ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ คราสราหู ๘ ก็จะมีสถานะเป็นกาลกิณีแทนดาวพฤหัสบดี ๕ วิกฤติเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบสองร้อยกว่าปีของอายุดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครเลย
สภาพการคือดาวการเงินและเรือนทางการเงินถูกหนึ่งดาวร้ายและหนึ่งคราสร้ายรวมกันทำลาย อีกทั้งดวงฤกษ์กรุงเทพมหานครจะตกอยู่ในวัยกาลกิณียาวนานต่อเนื่องถึงปีกว่า คงทำนายอนาคตในช่วงดังกล่าวได้ว่า การเงินของประเทศจะถึงคราววิบัติ
แต่ต้องอธิบายลักษณะการวิบัติเอาไว้ด้วย ภาพจำหรือความคิดอย่างตรงไปตรงมา หากการเงินวิบัติ น่าจะหมายถึงสูญเสียเงินทองไปในทันที แต่ในภาพจริงนั้นบางทีมันก็หลอกลวงตา เงินในกระเป๋าของเราอาจจะอยู่ครบ แต่เราก่อหนี้เพิ่มขึ้นจนท่วมหัว และในอนาคตจะไม่มีปัญญาใช้หนี้นั้น หรือต้องขายทรัพย์สินเดิม ล้วงเงินในกระเป๋าออกไปจ่ายจนหมดในภายหลังก็เป็นได้ แต่สาเหตุ หรือต้นเหตุนั้นมันจะเกิดในช่วงที่ดาวร้ายและคราสร้ายทำงานนี่เอง
พักเรื่องของดวงฤกษ์กรุงเทพเอาไว้ก่อน ขอแวะไปดูดวงฤกษ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนบ้าง ได้กล่าวไปในตอนก่อนๆแล้วว่า ขณะนี้ดวงฤกษ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนตกอยู่ในวัยกาลกิณีครั้งที่สองในรอบหนึ่งศตวรรษ ได้บอกไปแล้วว่าในวัยกาลกิณีที่หนึ่งนั้นคือช่วงที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรม ความเสียหายนั้นโปรดลองศึกษาจากข้อมูลในประวัติศาสตร์ดู ส่วนวัยกาลกิณีที่สองนี้เปิดเรื่องมาด้วยการถูกสหรัฐอเมริกาทำสงครามทางการค้า และขณะนี้ตามมาด้วยวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ การถูกกีดกันทางเทคโนโลยี วิกฤติไต้หวัน แต่ในขณะนี้เป็นช่วงท้ายๆของวัยกาลกิณีของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว เราเริ่มได้ข่าวความสำเร็จของสาธารณรัฐประชาชนจีนในทางเทคโนโลยีการผลิตวงจรรวมอีเลคโทรนิคส์ และความพยายามแก้ไขวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความพยายามในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า ที่จะไม่ต้องพึ่งพาเงินดอลล่าร์ของสหรัฐอเมริกา
แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่พ้นวัยกาลกิณี สาธารณรัฐประชาชนจีนจะยังคงมีปัญหามากมายต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็อีกไม่นานนักที่เราจะเห็นสาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มแก้ไขปัญหาต่างๆได้ และในวัยต่อไปนั้นสาธารณรัฐประชาชนจีนจะก้าวเข้าสู่วัยศุกร์ ๖ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นมหาอุจที่ดีมาก ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่ราชอาณาจักรไทยนั้นจะเต็มไปด้วยปัญหา และสหรัฐอเมริกาเตรียมเข้าสู่ภาวะขาลงขนาดหนัก จึงเป็นที่น่าเสียดายแทนราชอาณาจักรไทยว่า ในขณะที่โลกกำลังจะก้าวเข้าสู่ปัญหาขนาดใหญ่ ดวงของไทยนั้นก็ไม่ได้ดีเลย ก็คงจะต้องรับกรรมเข้าไปกับเขาด้วย
นอกจากดวงฤกษ์ของประเทศสำคัญสามประเทศในบทความนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ขอพ่วงดวงฤกษ์ของบิตคอยน์ cryptocurrency ที่ใช้เทคโนโลยี blockchain ซึ่งถือกันว่าเป็นเงินดิจิตอลที่โด่งดังมากที่สุดในโลกขณะนี้ บิตคอยน์นั้นถือกำเนิดมาเกือบ 15 ปีแล้ว มีประวัติความเป็นมาและเป็นไปอย่างโลดโผน ชาติกำเนิดมืดมน ภูมิหลังลึกลับ
ดวงฤกษ์นี้ข้าพเจ้าจะขอแนะนำให้ท่านลองอ่านดวงฤกษ์นี้ดูตามวิธีการที่ข้าพเจ้าได้อ่านดวงฤกษ์ของประเทศสามประเทศที่ผ่านมา จะขอบอกหลักการสำคัญไว้ว่า ดวงฤกษ์นี้เกิดในวันเสาร์ ๗ จึงมีดาวพุธ ๔ เป็นกาลกิณี
และดวงฤกษ์นี้มีดาวซี้โหงวลัก ๔ ๕ ๖ รวมกลุ่มกันในเรือนกดุมภะ เช่นเดียวกับดวงฤกษ์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งย้อนกลับไปอ่านตอนต้นๆของบทความก็จะเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงความร่ำรวยมั่งมี ดวงฤกษ์นี้มีคราสราหู ๘ อยู่ในเรือนกดุมภะ อันหมายถึงราหูล้วงทรัพย์ และดวงฤกษ์นี้เกิดมาได้ไม่นาน ผ่านตรีวัยมาได้หนึ่งวัยกว่าๆกำลังจะหมดวัยที่สอง ทั้งสองวัยนั้นดาวเจ้าวัยมีสถานะดีทั้งสองวัย
หากพิจารณาจากแผนภูมิราคา เทียบกับแผนภูมิตรีวัยในรูปดวงฤกษ์ จะเห็นได้ว่าในแปดปีแรกของบิตคอยน์ ซึ่งอยู่ในวัยของดาวจันทร์ ๒ มีสถานะดีพอสมควรในดวงชะตา ราคาของบิตคอยน์นั้นค่อนข้างจะเสถียรแต่อยู่ในระดับต่ำ เมื่อมีการเปลี่ยนวัยมาเป็นวัยของดาวอาทิตย์ ๑ ซึ่งมีสถานะดีเช่นกัน และมีตำแหน่งเป็นมหาจักรตามกฎทางโหราศาสตร์ไทยด้วย มหาจักรนี้สภาพคือ โลดโผน ไม่คาดฝัน ก็จะเห็นเส้นแผนภูมิราคาเริ่มทะยานสูงขึ้นนับจากเปลี่ยนมาเป็นวัยของดาวอาทิตย์ ๑ นี่เอง และปัจจุบันนี้บิตคอยน์ก็ยังคงอยู่ในวัยของดาวอาทิตย์ ๑ ซึ่งเกือบจะท้ายๆวัยแล้ว
ในช่วงวัยของดาวอาทิตย์ ๑ นี้ จะเห็นความผันผวนของราคา มีทั้งทะยานขึ้นสูงเกินกว่าที่คาดคิด และมีภาวะตกต่ำลงมาจนน่าตกใจ สภาพไม่แน่นอนแบบนี้คือสภาพของมหาจักร แต่ถึงกระนั้น cryptocurrency นี้ก็ยังคงเอาตัวรอดมาได้
เหตุที่นำเสนอเรื่องของบิตคอยน์ไว้ในบทความนี้ ก็เนื่องมากจากมันมีความเกี่ยวพันกัน และช่วงเวลาตรีวัยของบิตคอยน์นั้นสอดคล้องและสัมพันธ์กับตรีวัยของสหรัฐอเมริกา วัยต่อไปของบิตคอยน์ซึ่งจะเปลี่ยนในปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ นั้น ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนวัยของสหรัฐอเมริกามาก และวัยต่อไปของบิตคอยน์นั้นจะเป็นวัยของดาวอังคาร ๓ อันมีสภานะที่ไม่ดีในดวงฤกษ์ ดูจากแผนภูมิในรูปจะเห็นว่าอยู่ในช่วงตกต่ำ อีกทั้งเมื่อผ่านวัยของดาวอังคาร ๓ แล้วก็จะต่อด้วยวัยของดาวพุธ ๔ อันมีสถานะเป็นกาลกิณี
ดวงฤกษ์ของบิตคอยน์จึงต้องผจญกับภาวะวัยที่ไม่ดีถึงสิบหกปี และบิตคอยน์นั้นหากจะพูดในภาษาวัยรุ่น ก็อาจจะกล่าวได้ว่า เป็น cryptocurrency ตัวแม่ หากเกิดวิกฤติใดๆกับ cryptocurrency รายนี้ มันจะส่งผลถึง cryptocurrency รายอื่นๆอย่างแน่นอน จะหนักหนาปานใดนั้น อีกไม่นานก็จะได้เห็นกัน
ในสถานการณ์วิกฤติการเงินโลกนั้น ผู้คนย่อมจะแสวงหาแหล่งเก็บเงินของตนไว้ให้รักษามูลค่าไว้หรือเพิ่มมูลค่าได้ cryptocurrency นั้นเป็นหนทางหนึ่งที่มีการพูดถึง ข้าพเจ้าก็เลยเอาดวงฤกษ์ของบิตคอยน์มาไว้ในบทความด้วย เผื่อที่ท่านใดจะสนใจติดตามดู และจะได้ใช้ในการตัดสินใจในอนาคตได้