บทความเรื่องนี้เผยแพร่ต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ คริสต์ศักราช 2023 มีทั้งหมด 8 ตอน
ตอนที่ 1. https://pantip.com/topic/42073464 (17/6/2566-2023)
ตอนที่ 2. https://pantip.com/topic/42142930 (30/7/2566-2023)
ตอนที่ 3. https://pantip.com/topic/42151800 (4/8/2566-2023)
ตอนที่ 4. https://pantip.com/topic/42161310 (13/11/2566-2023)
ตอนที่ 5. https://pantip.com/topic/42168256 (14/8/2566-2023)
ตอนที่ 6. https://pantip.com/topic/42178192 (20/8/2566-2023)
ตอนที่ 7. https://pantip.com/topic/42235789 (22/9/2566-2023)
ตอนที่ 8. https://pantip.com/topic/42338387 (12/11/2566-2023)
แต่ละตอนหนักเรื่องโหราศาสตร์มาก เพราะเป็นฐานของการวิเคราะห์สถานการณ์วิกฤติในครั้งนี้ บทความทั้งหมดเผยแพร่ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาในปีคริสต์ศักราช 2024 ขอสรุปหัวข้อที่ได้พยากรณ์ไปแล้วไว้ก่อนดังนี้
ในตอนที่ 1. ได้สรุปหัวข้อของบทความสั้นๆเอาไว้ว่า
“ประเทศสหรัฐอเมริกามหาอำนาจหมายเลขหนึ่งในปัจจุบันกาล กำลังเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤติขนาดใหญ่ อันจะนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มต้นกันอย่างจริงจังภายในปีพุทธศักราช 2569 หรือคริสต์ศักราช 2026 และวิกฤตินี้จะต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี”
ในขณะที่พยากรณ์ประโยคนี้ไว้ เป็นช่วงเวลาที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดนมีอำนาจการบริหารประเทศสหรัฐอเมริกา และมีแนวโน้มในขณะนั้นว่าจะลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง และเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่มีวิกฤติอะไรขนาดใหญ่ จะมีบ้างก็เป็นผลพวงจากโรคระบาดครั้งใหญ่ Covid19 ที่พึ่งผ่านไป
แต่บัดนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนโฉม ประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งเป็นหน้าเก่าคือ โดนัล ทรัมป์ ขึ้นบริหารประเทศ และเป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกา และเกิดวิกฤติขนาดใหญ่ขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั้งโลกอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว นับจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ซึ่งแนวโน้มทั้งหมดชี้ไปที่ภาวะเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาทางการเงินขนาดที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มนุษยชาติรู้จักการใช้ระบบเงินตรา ปัญหาที่ว่ามาจากหนี้จำนวนมหาศาล ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เป็นวิกฤติอันเกิดมาจากการขาดวินัยการเงินการคลัง และวิกฤตินี้หมดทางแก้ด้วยวิธีตามธรรมชาติ จำต้องใช้วิธีพิเศษซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องนี้จะขออธิบายเอาไว้พอเป็นสังเขปดังนี้
ในภาวะวิกฤติทางการเงินของสหรัฐอเมริกาช่วงทศวรรษ 1930 ที่เรียกว่า Great Depression (วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่) ประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ได้ให้กำเนิดโครงการ New Deal ซึ่งได้อิทธิพลมาจากแนวคิดของ John Maynard Keynes นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษที่เสนอว่าในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลควรใช้จ่ายเงินมากขึ้น แม้จะต้องกู้ยืม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน
ในประเทศไทยเราจะคุ้นเคยกับแนวคิดของ John Maynard Keynes นี้โดยเรียกในภาษาไทยว่าการจัดงบประมาณขาดดุล ภาษาทางเศรษฐกิจนั้นอาจจะฟังยากฟังไม่รู้เรื่อง มันช่างลึกซึ้งเกินสติปัญญาของชาวบ้านร้านตลาดหรือประชาชนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราๆ แต่หากจะสรุปให้ง่ายๆด้วยภาษาชาวบ้านที่จะต้องร้องอ๋อกันในทันที ก็ต้องสรุปว่า “หากไม่มีเงินใช้ ก็ไปขอยืม หรือกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้สิ”
และประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มกิจการกู้ยืมเงินมาใช้นับตั้งแต่บัดนั้น การกู้ยืมเงินระหว่างประเทศนั้นก็เริ่มด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาล ขายให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในสถานการณ์สงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศสหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่และเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่ง พันธบัตรของรัฐบาลอเมริกันจึงเชื่อถือได้ ออกมาเท่าไรก็ขายได้หมด อีกทั้งสหรัฐอเมริกายังไปทำสัญญาที่ไม่ได้ประกาศไว้กับประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางว่า หากประเทศเหล่านั้นยินยอมใช้ดอลล่าร์สหรัฐในการแลกเปลี่ยนซื้อขายน้ำมันแล้วไซร้ สหรัฐอเมริกาจะรับรองความปลอดภัยให้ หรือเรียกง่ายๆว่าจะคุ้มครองในกรณีที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเหล่านั้นมีสงคราม
เงินอเมริกันจึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่า และก่อให้เกิดความลำพองและย่ามใจในเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อไรที่ขาดเงินก็ออกพันธบัตรมาขาย และลามไปจนถึงขาดวินัยการเงินการคลังอย่างรุนแรง เพราะเมื่อหนี้จากพันธบัตรท่วมหัว ไม่มีเงินจะจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืน รัฐบาลอเมริกันก็ใช้วิธีวิตถาร เกินกว่าที่ John Maynard Keynes จะคาดถึงทีเดียว นั่นคือการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มโดยไม่มีทุนสำรองค้ำประกัน และเมื่อหนี้มากขึ้นก็เริ่มพิมพ์ธนบัตรมากขึ้นทุกที จนท้ายที่สุดก็ถึงภาวะวิกฤติในวันนี้
ว่าจะเล่าเพียงสังเขป แต่มันก็ยาวทีเดียว สรุปอีกทีสั้นๆว่าสหรัฐอเมริกาอยู่ในสภาวะล้มละลาย หนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทางปกติที่จะหาเงินมาชำระหนี้ได้ คนดีศรีอเมริกาเช่น John Maynard Keynes ก็มองหาไม่ได้แล้ว (John Maynard Keynes เป็นชาวอังกฤษนะ) สหรัฐอเมริกาต้องหาวิธีการใดๆก็ได้ ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ไม่พินาศหมดค่ากลายเป็นเศษกระดาษ ซึ่งจำต้องใช้วิธีพิเศษแบบวิธีงบประมาณขาดดุล และการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มแบบไม่มีทุนสำรองค้ำประกัน แต่สองวิธีนั้นใช้ไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์บางท่านวิเคราะห์ไว้ว่า สงครามคือทางออกในการลบหนี้ของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอาจจะต้องการสงครามใหญ่ที่ทำให้โลกสะพรึงกลัว ต้องสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ขนานใหญ่ ซึ่งอเมริกาเองเป็นพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก บางท่านก็คาดว่าสหรัฐอาจจะออกพันธบัตรชนิดใหม่อายุนานนับร้อยปี และบังคับให้ประเทศต่างๆซื้อพันธบัตรนี้ เสมือนใบอนุญาตทำการค้ากับสหรัฐต่อไปได้ มีอีกหลายแนวคิดที่คาดเดาว่าสหรัฐจะทำอะไร ซึ่งข้าพเจ้าผู้เขียนก็เดาไม่ออก บอกได้เพียงอย่างเดียวว่า ไม่ว่าจะทำอะไร
“สหรัฐอเมริกาก็เจ๊ง”